ถามหมอได้เลยครับ
2. Paste this code immediately after the opening tag:
icon-phone
  1. หน้าแรก
  2. บทความและข่าวสาร
  3. รู้ทันปัญหา ภาวะตาตก เพื่อการรักษา แก้ตา ที่ตรงจุด

รู้ทันปัญหา ภาวะตาตก เพื่อการรักษา แก้ตา ที่ตรงจุด

เขียนเมื่อ: 18/9/2024
แก้ตาตก koa clinic

ตาตก หรือ ภาวะกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง (Ptosis) คือการที่เปลือกตาบนตกลงมาต่ำกว่าระดับปกติ ซึ่งอาจเกิดขึ้นข้างเดียวหรือทั้งสองข้าง ส่งผลให้ดวงตาดูไม่สมมาตรและอาจบดบังการมองเห็นในบางกรณี ภาวะนี้สามารถเกิดได้กับคนทุกวัย ตั้งแต่เด็กแรกเกิดไปจนถึงผู้สูงอายุ การทำความเข้าใจถึงสาเหตุ อันตราย และแนวทางการรักษาจะช่วยให้คุณจัดการกับปัญหานี้ได้อย่างเหมาะสม

ตาตก เกิดจากหลายสาเหตุที่ทำให้เปลือกตาดูหย่อนคล้อยหรือไม่เท่ากัน ซึ่งทำให้ใบหน้าดูเหนื่อยล้าและแก่กว่าวัย สาเหตุที่พบได้บ่อย ๆ มีดังนี้

  • กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง : กล้ามเนื้อที่ใช้ยกเปลือกตา (levator muscle) อาจจะอ่อนแรง ด้วยอายุที่มากขึ้นหรือกรรมพันธุ์ ทำให้ไม่สามารถยกตาขึ้นได้เต็มที่
  • ภาวะหนังตาหย่อน : ผิวหนังบริเวณเปลือกตาสูญเสียความยืดหยุ่นและคอลลาเจนเมื่ออายุมากขึ้น ทำให้เกิดการหย่อนคล้อย
  • การบาดเจ็บหรือผลข้างเคียงจากการผ่าตัด : การผ่าตัดบริเวณดวงตา หรือการบาดเจ็บสามารถทำให้กล้ามเนื้อเปลือกตาเสียหายได้
  • พฤติกรรมในชีวิตประจำวัน : การใช้สายตาหนัก การขยี้ตาบ่อย หรือการติดขนตาปลอม และดึงเปลือกตาบ่อยจนเกินไป อาจทำให้กล้ามเนื้อและผิวหนังรอบดวงตาเสียหายได้

การป้องกันภาวะตาตก ดูแลตาให้แข็งแรงด้วยวิธีที่ถูกต้อง

  • หลีกเลี่ยงการขยี้ตาและดึงเปลือกตา

การขยี้ตาบ่อย ๆ หรือการดึงเปลือกตาอาจทำให้กล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อรอบดวงตาเสื่อมสภาพเร็วขึ้น ควรหลีกเลี่ยงการกระทำเหล่านี้และหากรู้สึกระคายเคืองควรล้างตาด้วยน้ำสะอาดหรือน้ำยาล้างตาแทน

  • ป้องกันการบาดเจ็บที่ดวงตา

การบาดเจ็บที่ดวงตาหรือบริเวณรอบดวงตา เช่น อุบัติเหตุ การผ่าตัด หรือการใช้คอนแทคเลนส์อย่างไม่ถูกต้อง อาจส่งผลกระทบต่อกล้ามเนื้อตาและทำให้เกิดภาวะตาตกได้ ควรป้องกันตนเองด้วยการสวมแว่นป้องกันเมื่อทำกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการบาดเจ็บ

  • ออกกำลังกายกล้ามเนื้อตาเป็นประจำ

การบริหารกล้ามเนื้อตาสามารถช่วยเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อรอบดวงตาได้ ลองฝึกการกระพริบตาอย่างช้า ๆ หลายครั้ง การหลับตาแน่น ๆ แล้วลืมตา หรือการยกคิ้วขึ้นและลง เพื่อกระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อ

  • ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้สายตา

การจ้องมองหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือเป็นเวลานาน อาจทำให้กล้ามเนื้อรอบดวงตาทำงานหนักเกินไป แนะนำให้พักสายตาทุก 20 นาที โดยการมองไปที่ระยะไกลสัก 20 วินาที เพื่อลดความตึงเครียดของกล้ามเนื้อ

  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

การนอนหลับไม่เพียงพออาจทำให้กล้ามเนื้อตาอ่อนแรงและเกิดอาการตาตกได้ง่าย ควรนอนหลับอย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อคืน เพื่อให้กล้ามเนื้อและระบบประสาทรอบดวงตาได้พักผ่อนอย่างเต็มที่

  • บริโภคอาหารที่มีประโยชน์ต่อดวงตา

การรับประทานอาหารที่มีวิตามินและแร่ธาตุที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพตา เช่น วิตามิน A, C, E, ลูทีน และซีแซนทีน จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อต่าง ๆ ในดวงตา เช่น ผักใบเขียว แครอท ส้ม และถั่วต่าง ๆ 

  • หมั่นตรวจสุขภาพตาเป็นประจำ

การตรวจสุขภาพตาอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้แพทย์สามารถวินิจฉัยปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ และแนะนำวิธีการป้องกันที่เหมาะสม โดยเฉพาะผู้ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคเรื้อรังทางระบบประสาท หรือผู้ที่เคยมีประวัติตาตกในครอบครัว

  • หลีกเลี่ยงการใช้คอนแทคเลนส์นานเกินไป

การใส่คอนแทคเลนส์ติดต่อกันนาน ๆ อาจทำให้ตาแห้งและระคายเคือง ควรปฏิบัติตามคำแนะนำการใช้งานของคอนแทคเลนส์อย่างเคร่งครัด รวมถึงการถอดเลนส์ออกเมื่อไม่ได้ใช้งาน และหลีกเลี่ยงการนอนหลับขณะใส่เลนส์

ภาวะตาตกอาจป้องกันได้ด้วยการดูแลสุขภาพดวงตาอย่างถูกวิธี การบริหารกล้ามเนื้อตา หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำร้ายดวงตา และปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของดวงตาอย่างสม่ำเสมอ หากมีอาการผิดปกติ ควรปรึกษาจักษุแพทย์เพื่อรับการดูแลและคำแนะนำในการรักษาที่เหมาะสมเพื่อให้ดวงตาของคุณยังคงแข็งแรงและมีสุขภาพดีต่อไป

ข้อควรรู้และความเสี่ยงเกี่ยวกับการศัลยกรรมแก้ตาตก

การแก้ตาตกเป็นทางเลือกยอดนิยมในการปรับลุคให้ดวงตาดูสดใสและอ่อนเยาว์ เช่นเดียวกับการทำศัลยกรรมหรือหัตถการอื่น ๆ ก็มีความเสี่ยงและข้อควรรู้ที่ผู้เข้ารับการรักษาควรพิจารณาอย่างรอบคอบ ดังนี้

  1. อาการบวมและฟกช้ำ : หลังทำการแก้ตาตก ผู้ป่วยมักจะมีอาการบวมและฟกช้ำบริเวณรอบดวงตา ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้ และจะค่อย ๆ ดีขึ้นภายใน 1-2 สัปดาห์
  2. การติดเชื้อ :  แม้การแก้ตาตกจะมีการทำในสภาพแวดล้อมที่สะอาดและปลอดภัย แต่ก็ยังมีความเสี่ยงที่จะเกิดการติดเชื้อ ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้ หากไม่ได้รับการดูแลแผลอย่างถูกต้อง
  3. อาการแผลเป็นหรือรอยแผลนูน :  บางคนอาจมีแผลเป็นหรือรอยแผลที่ไม่เรียบเนียนหลังการผ่าตัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีการตอบสนองที่ผิดปกติต่อการหายของแผล
  4. อาการระคายเคืองตาและตาแห้ง :  อาการระคายเคืองตาและตาแห้งสามารถเกิดขึ้นได้เนื่องจากการผ่าตัดหรือการเปลี่ยนแปลงของเปลือกตา ซึ่งอาจทำให้รู้สึกไม่สบายตาหรือต้องใช้ยาหยอดตาเพิ่มเติม
  5. ผลลัพธ์ที่ไม่สมดุลหรือไม่เท่ากัน :  แม้แพทย์จะมีความพยายามในการทำให้เปลือกตาทั้งสองข้างดูสมดุล แต่บางครั้งอาจเกิดการไม่เท่ากันของเปลือกตาได้ ซึ่งอาจจำเป็นต้องมีการแก้ไขเพิ่มเติม
  6. การมองเห็นผิดปกติชั่วคราว : ในบางกรณี ผู้ป่วยอาจมีปัญหาการมองเห็นเบลอหรือตาพร่าชั่วคราวหลังการผ่าตัด ซึ่งมักจะหายไปภายในไม่กี่วันถึงสัปดาห์
  7. ภาวะแทรกซ้อนจากยาชาหรือยาสลบ : การใช้ยาชาหรือยาสลบมีความเสี่ยงเช่นกัน โดยอาจเกิดอาการแพ้หรือปฏิกิริยาต่อยาได้

รวมเทคนิคการรักษา แก้ตาตก

การผ่าตัดยกหางตาใต้คิ้ว 

การผ่าตัดยกหางตาใต้คิ้วเป็นวิธีที่ได้ผลดีที่สุดในการแก้ไขปัญหาหนังตาตก โดยแพทย์จะทำการผ่าตัดเพื่อนำส่วนหนังตาที่หย่อนคล้อยออก พร้อมดึงหนังตาส่วนที่เหลือให้ตึงขึ้นและล็อกตำแหน่งหนังตาไม่ให้ตกลงมาอีก การแก้ไขด้วยวิธีนี้ช่วยจัดการปัญหาที่ต้นเหตุอย่างมีประสิทธิภาพ  

การผ่าตัดตาสองชั้น

การผ่าตัดตาสองชั้นเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้หนังตาตกดูดีขึ้นได้ แต่การรักษานี้ต้องใช้ความระมัดระวัง เนื่องจากการตัดหนังตาออกมากเกินไปอาจทำให้ระยะห่างระหว่างคิ้วกับตาแคบลง ซึ่งอาจส่งผลให้ใบหน้าดูเข้มและดุกว่าเดิม  

การผ่าตัดยกคิ้ว

ในกรณีที่มีปัญหาคิ้วตกมาก การผ่าตัดยกหางตาใต้คิ้วหรือการผ่าตัดตาสองชั้นอาจไม่เพียงพอ จำเป็นต้องทำการผ่าตัดยกคิ้วก่อน โดยแพทย์จะตัดผิวหนังส่วนเกินบริเวณคิ้วออก จากนั้นจะทำการเย็บดึงคิ้วขึ้นไปในตำแหน่งที่่หมาะสมเพื่อแก้ไขปัญหาหนังตาตกอย่างมีประสิทธิภาพ  

การดูแลรักษาหลังทำการศัลยกรรมแก้ตาตก

  • พักผ่อนและหลีกเลี่ยงกิจกรรมหนัก : หลังการทำควรพักผ่อนให้เพียงพอและหลีกเลี่ยงการยกของหนักหรืองานที่ต้องใช้แรงมาก
  • ประคบเย็นเพื่อลดบวม : ใช้ผ้าชุบน้ำเย็นหรือถุงเจลเย็นประคบบริเวณที่ผ่าตัด เพื่อลดอาการบวมและฟกช้ำ
  • หลีกเลี่ยงแสงแดดและความร้อน : ควรหลีกเลี่ยงการออกแดดจัดและการใช้ซาวน่าหรืออาบน้ำร้อน เพราะอาจทำให้แผลบวมมากขึ้น
  • ดูแลแผลและทำความสะอาด : ควรทำความสะอาดแผลด้วยน้ำเกลือหรือน้ำยาทำความสะอาดที่แพทย์แนะนำ และปฏิบัติตามคำแนะนำเรื่องการทายาหรือการปิดแผลอย่างเคร่งครัด
  • หลีกเลี่ยงการขยี้ตาหรือแต่งหน้า : หลีกเลี่ยงการสัมผัสแผลและการแต่งหน้าบริเวณดวงตาในช่วงแรกเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
  • ติดตามผลการรักษากับแพทย์ : ควรนัดตรวจและติดตามผลการรักษาตามที่แพทย์กำหนด เพื่อประเมินการฟื้นตัวและแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้น

การแก้ตาตกช่วยเปลี่ยนลุคให้ดวงตาดูสดใสขึ้นได้อย่างเห็นผลชัดเจน แต่การเลือกวิธีที่เหมาะสมและการดูแลหลังทำเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด

การแก้ตาตกสามารถทำได้หลายวิธีขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงของอาการ การปรึกษาจักษุแพทย์เฉพาะทางจะช่วยให้ได้รับการวินิจฉัยและคำแนะนำในการรักษาที่เหมาะสม ทั้งนี้ การรักษาที่ถูกวิธีไม่เพียงแต่ช่วยแก้ปัญหาการมองเห็น แต่ยังช่วยเสริมสร้างความมั่นใจและคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยอีกด้วย

หากคุณมีภาวะตาตก ควรรีบพบแพทย์เพื่อรับคำปรึกษาและการรักษาที่เหมาะสมโดยเร็ว เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบที่รุนแรงในระยะยาว

Koa Clinic

หากต้องการแก้ไขปัญหาตาที่เคยทำมา ไม่รู้จะไปแก้ตาที่ไหนดี สามารถเข้ามาปรึกษาโคอาคลินิก หรือส่งแบบฟอร์มให้คุณหมอประเมินได้เลย

icon-share
แชร์หน้านี้ :

ช่องทางติดตามคลินิก

Koaclinic
Koaclinic
Koaclinic
Koaclinic
Koaclinic
เริ่มดูปัญหาของคุณที่นี่ ส่งข้อมูล ปรึกษาคุณหมอ