ถามหมอได้เลยครับ
icon-phone
  1. หน้าแรก
  2. บทความและข่าวสาร
  3. ตาขาวเหลือง เกิดจากอะไร อันตรายไหม เช็กสาเหตุ พร้อมวิธีดูแลให้ตาขาวใส

ตาขาวเหลือง เกิดจากอะไร อันตรายไหม เช็กสาเหตุ พร้อมวิธีดูแลให้ตาขาวใส

เขียนเมื่อ: 20/6/2025
ตาขาวเหลืองเกิดจากอะไร

ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจฉันใด สีของตาขาวก็เป็นเหมือนสัญญาณเตือนสุขภาพของร่างกายฉันนั้น โดยปกติแล้วตาขาวของเราควรจะมีสีขาวนวล แต่ถ้าวันหนึ่งคุณสังเกตเห็นว่า ตาขาวเหลืองขึ้น อาจเป็นเรื่องที่ทำให้หลายคนกังวลใจไม่น้อย บทความนี้โคอาคลินิกจะพาไปทำความเข้าใจว่าอาการตาขาวเหลืองเกิดจากอะไรกันแน่ เป็นสัญญาณอันตรายหรือไม่ พร้อมเช็กสาเหตุที่อาจซ่อนอยู่ และแนะนำวิธีดูแลดวงตาคู่สวยให้กลับมาขาวใส สุขภาพดี

อาการตาขาวเหลืองคืออะไร

อาการตาขาวเหลือง คือภาวะที่เนื้อเยื่อบางส่วนหรือทั้งหมดของตาขาว (Sclera) ซึ่งปกติควรจะเป็นสีขาว เปลี่ยนเป็นมีสีเหลืองหรือเหลืองอมส้มอย่างเห็นได้ชัด ภาวะนี้ทางการแพทย์อาจเรียกว่า “ดีซ่าน” (Jaundice) ในบริเวณดวงตา ซึ่งมักเกิดจากการสะสมของสารที่ชื่อว่า “บิลิรูบิน” (Bilirubin) ในกระแสเลือดมากเกินไป บิลิรูบินเป็นสารสีเหลืองที่เกิดจากการแตกตัวของเซลล์เม็ดเลือดแดงที่หมดอายุในตับ หากมีปริมาณสูงจะทำให้ผิวหนังและตาขาวเปลี่ยนเป็นสีเหลืองได้

สาเหตุของอาการตาขาวเหลือง

สาเหตุตาขาวเหลือง

อาการตาขาวเหลืองไม่ได้เกิดขึ้นเอง แต่เป็นผลมาจากปัจจัยหรือภาวะผิดปกติบางอย่างในร่างกาย ซึ่งสาเหตุหลักๆ มีดังนี้

1. ภาวะดีซ่าน (Jaundice)

ภาวะดีซ่าน เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของอาการตาขาวเหลือง เกิดจากการมีสารบิลิรูบินในเลือดสูงกว่าปกติ ซึ่งบิลิรูบินนี้เป็นผลผลิตจากการสลายตัวของเซลล์เม็ดเลือดแดง เมื่อตับไม่สามารถกำจัดบิลิรูบินออกจากร่างกายได้ทัน หรือมีการผลิตบิลิรูบินมากเกินไป ก็จะทำให้เกิดการสะสมและแสดงอาการเหลืองออกมาทางผิวหนังและตาขาว

2. ความผิดปกติเกี่ยวกับตับ

ตับมีหน้าที่สำคัญในการกำจัดบิลิรูบินออกจากร่างกาย หากตับทำงานผิดปกติ เช่น เป็นโรคตับอักเสบ (Hepatitis A, B, C) โรคตับแข็ง มะเร็งตับ หรือภาวะไขมันพอกตับ ก็จะส่งผลให้กระบวนการกำจัดบิลิรูบินบกพร่อง ทำให้เกิดอาการตาขาวเหลืองได้

3. โรคธาลัสซีเมีย

โรคธาลัสซีเมียเป็นโรคเลือดจางทางพันธุกรรมที่ทำให้เซลล์เม็ดเลือดแดงมีความผิดปกติ เปราะบาง และแตกง่ายกว่าปกติ ทำให้มีการผลิตบิลิรูบินออกมาในปริมาณมากเกินกว่าที่ตับจะกำจัดได้ทัน จึงเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผู้ป่วยโรคธาลัสซีเมียมีอาการตาขาวเหลือง และตัวซีดได้เช่นกัน

4. ผลข้างเคียงจากการใช้ยาบางชนิด

ยาบางชนิดอาจมีผลข้างเคียงต่อตับ หรือกระบวนการเผาผลาญบิลิรูบิน ทำให้เกิดอาการตาขาวเหลืองได้ เช่น ยาพาราเซตามอล (หากใช้เกินขนาด) ยาปฏิชีวนะบางกลุ่ม (เช่น เพนิซิลลิน) ยาคุมกำเนิดบางชนิด หรือยาสเตียรอยด์ ดังนั้น หากกำลังใช้ยาใดๆ อยู่แล้วมีอาการตาขาวเหลือง ควรปรึกษาแพทย์

5. การติดเชื้อ

การติดเชื้อบางชนิดสามารถส่งผลกระทบต่อตับหรือทำให้เม็ดเลือดแดงแตกมากขึ้น จนนำไปสู่อาการตาขาวเหลืองได้ เช่น โรคมาลาเรีย หรือการติดเชื้อไวรัสที่ตับโดยตรงอย่างไวรัสตับอักเสบ ซึ่งมักจะมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น มีไข้ อ่อนเพลีย

6. โรคถุงน้ำดี

โรคที่เกี่ยวกับถุงน้ำดี เช่น นิ่วในถุงน้ำดี หรือท่อน้ำดีอุดตัน สามารถขัดขวางการไหลของน้ำดี (ซึ่งมีบิลิรูบินเป็นส่วนประกอบ) จากตับไปยังลำไส้เล็กได้ เมื่อน้ำดีคั่งค้างก็จะทำให้บิลิรูบินซึมเข้าสู่กระแสเลือดและเกิดอาการ ตาขาวเหลือง

7. พฤติกรรมการใช้ชีวิตส่งผลกระทบต่อสุขภาพตา

แม้ว่าพฤติกรรมการใช้ชีวิตบางอย่างอาจไม่ได้ทำให้เกิดตาขาวเหลืองโดยตรงจากภาวะบิลิรูบินสูง แต่ก็อาจส่งผลให้ตาดูไม่สดใส หรือเหลืองเล็กน้อยได้ เช่น การพักผ่อนไม่เพียงพอ การดื่มแอลกอฮอล์ปริมาณมากเป็นประจำ ซึ่งทำลายตับ การสูบบุหรี่ การขาดน้ำ หรือการใช้สายตาจ้องหน้าจอนานๆ จนเกิดอาการตาแห้งและระคายเคือง ซึ่งอาจทำให้ตาดูหมองคล้ำ บางคนที่มีปัญหา กล้ามเนื้อตาอ่อนแรง อาจทำให้ดวงตาดูไม่สดใสได้เช่นกัน

ตาขาวเหลืองอันตรายไหม

ตาขาวเหลืองอันตรายไหม

อาการตาขาวเหลืองถือเป็นสัญญาณที่ไม่ควรมองข้าม เพราะมันบ่งบอกถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นภายในร่างกาย สาเหตุของตาขาวเหลือง มีตั้งแต่ระดับที่ไม่รุนแรงและสามารถจัดการได้ ไปจนถึงโรคร้ายแรงที่ต้องการการรักษาอย่างเร่งด่วน เช่น โรคตับรุนแรง หรือมะเร็ง ดังนั้น หากสังเกตพบว่าตาขาวเริ่มมีสีเหลือง ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุที่แท้จริงจะดีที่สุด

แนะนำวิธีดูแลดวงตาเบื้องต้น ป้องกันตาขาวเป็นสีเหลือง

การดูแลสุขภาพโดยรวมเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยป้องกันปัญหาสุขภาพต่างๆ รวมถึงปัญหาที่อาจนำไปสู่อาการ ตาขาวเหลือง แม้ว่าบางสาเหตุจะป้องกันได้ยาก แต่การดูแลตัวเองเบื้องต้นก็ช่วยให้สุขภาพดวงตาและร่างกายแข็งแรงขึ้นได้

  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ : อย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว เพื่อให้ร่างกายไม่ขาดน้ำและช่วยให้ดวงตาชุ่มชื้น
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ : เน้นผักผลไม้หลากสี ธัญพืช โปรตีนไขมันต่ำ เพื่อบำรุงตับและสุขภาพโดยรวม
  • พักผ่อนให้เพียงพอ : การนอนหลับอย่างมีคุณภาพช่วยให้ร่างกายซ่อมแซมตัวเองอย่างมีประสิทธิภาพ
  • หลีกเลี่ยงหรือลดการดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่ : เพราะเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญของโรคตับ
  • ระมัดระวังการใช้ยา : ใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร ไม่ซื้อยามากินเองพร่ำเพรื่อ
  • ป้องกันดวงตาจากแสงแดดและมลภาวะ : สวมแว่นกันแดดเมื่อต้องออกกลางแจ้ง
  • พักสายตาจากการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ : ใช้กฎ 20-20-20 คือพักสายตาทุก 20 นาที โดยมองไปไกล 20 ฟุต เป็นเวลา 20 วินาที

เมื่อไหร่ที่ควรไปพบแพทย์

หากคุณสังเกตเห็นว่าตาขาวเหลืองขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเพียงเล็กน้อยหรือเหลืองชัดเจน ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้องบริเวณชายโครงขวา ตัวเหลือง ปัสสาวะสีเข้ม อุจจาระสีซีด หรือมีไข้ การพบแพทย์เร็วจะช่วยให้ได้รับการวินิจฉัยที่ถูกต้องและเริ่มการรักษาได้ทันท่วงที

ตาขาวเหลืองรักษาอย่างไร

การรักษาอาการตาขาวเหลืองจะขึ้นอยู่กับสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการนั้นๆ แพทย์จะทำการซักประวัติ ตรวจร่างกาย และอาจมีการตรวจเพิ่มเติม เช่น ตรวจเลือด ตรวจการทำงานของตับ หรืออัลตราซาวนด์ เพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุที่แท้จริง

เมื่อทราบสาเหตุแล้ว การรักษาจะมุ่งเน้นไปที่การแก้ไขต้นตอของปัญหา เช่น หากเกิดจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ ก็จะให้ยาต้านไวรัส หากเกิดจากนิ่วในถุงน้ำดี อาจต้องผ่าตัด หากเกิดจากผลข้างเคียงของยา แพทย์อาจพิจารณาปรับเปลี่ยนยา เป็นต้น

สรุปบทความ

อาการตาขาวเหลือง เป็นภาวะที่ตาขาวเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ซึ่งมักเกิดจากการมีสารบิลิรูบินในเลือดสูง สาเหตุมีได้หลากหลายตั้งแต่ภาวะดีซ่าน ความผิดปกติของตับ โรคธาลัสซีเมีย ผลข้างเคียงจากยา การติดเชื้อ โรคถุงน้ำดี หรือแม้แต่พฤติกรรมการใช้ชีวิตบางอย่างก็อาจส่งผลกระทบได้ เนื่องจากตาขาวเหลืองอาจเป็นสัญญาณของโรคร้ายแรง การรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรับการรักษาที่ถูกต้องจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด การดูแลสุขภาพโดยรวม การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และการพักผ่อนที่เพียงพอ ก็เป็นส่วนหนึ่งในการป้องกันปัญหาสุขภาพที่อาจนำไปสู่อาการนี้ได้สำหรับผู้ที่มีความกังวลเกี่ยวกับลักษณะดวงตาอื่นๆ นอกเหนือจากอาการตาขาวเหลือง เช่น ตาไม่เท่ากัน ปัญหาหนังตาตกตาปรือกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง ต้องการปรับลุคจากตาชั้นเดียว หรือกังวลเรื่องเบ้าตาลึก ดูอิดโรย รวมถึงลักษณะตาสามขาว ที่อาจส่งผลต่อภาพลักษณ์ ที่โคอาคลินิก เรามีจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมให้คำปรึกษา และบริการแก้ตา ด้วยเทคนิคที่ทันสมัย ไม่ว่าจะเป็นการทำตาสองชั้นเพื่อดวงตาที่สวยงามและได้สัดส่วน โคอาคลินิกเป็นคลินิกทำตาที่พร้อมดูแลทุกปัญหาดวงตา เพื่อให้คุณกลับมามั่นใจในดวงตาคู่สวยอีกครั้ง

icon-share
แชร์หน้านี้ :

ช่องทางติดตามคลินิก

Koaclinic
Koaclinic
Koaclinic
Koaclinic
Koaclinic
เริ่มดูปัญหาของคุณที่นี่ ส่งข้อมูล ปรึกษาคุณหมอ