
คอนแทคเลนส์เป็นสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้ที่มีปัญหาสายตาหรือต้องการปรับบุคลิกภาพ แต่ความสะดวกสบายนี้อาจนำไปสู่พฤติกรรมที่เสี่ยงต่อสุขภาพดวงตาโดยไม่รู้ตัว คำถามยอดฮิตที่หลายคนสงสัยคือ ใส่คอนแทคเลนส์นอนได้หรือไม่? หลายคนอาจเคยเผลอหลับไปพร้อมคอนแทคเลนส์คู่โปรด หรืออาจจงใจใส่นอนด้วยความเหนื่อยล้า บทความนี้จาก KOA Clinic จะพาทุกคนไปทำความเข้าใจถึงอันตราย ผลเสีย และวิธีดูแลดวงตาที่ถูกต้อง เพื่อให้การใช้คอนแทคเลนส์ของคุณปลอดภัยและไม่ทำร้ายดวงตาในระยะยาวกัน
ทำไมการใส่คอนแทคเลนส์นอนจึงเป็นภัยต่อดวงตา
การใส่คอนแทคเลนส์นอน แม้จะดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่กลับส่งผลเสียต่อดวงตามากกว่าที่คิด ดวงตาของเราเป็นอวัยวะที่บอบบางและต้องการการดูแลอย่างถูกวิธี การละเลยอาจนำไปสู่ปัญหาที่ร้ายแรงได้ สาเหตุหลักที่ทำให้การใส่นอนเป็นอันตรายมีดังนี้
1. ดวงตาขาดออกซิเจน (Hypoxia)
โดยปกติแล้วกระจกตาจะได้รับออกซิเจนโดยตรงจากอากาศ เมื่อเราใส่คอนแทคเลนส์ ออกซิเจนจะผ่านเข้าสู่กระจกตาได้น้อยลงอยู่แล้ว และเมื่อเราหลับตาขณะใส่คอนแทคเลนส์นอน เปลือกตาที่ปิดสนิทจะยิ่งกั้นการเข้าถึงออกซิเจนของกระจกตา ทำให้กระจกตาอยู่ในภาวะขาดออกซิเจนเป็นเวลานาน ส่งผลให้เซลล์กระจกตาอ่อนแอ เสื่อมสภาพ และเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่ายขึ้น การขาดออกซิเจนเรื้อรังอาจนำไปสู่การเกิดเส้นเลือดงอกใหม่ที่กระจกตา ซึ่งส่งผลกระทบต่อการมองเห็นในระยะยาวได้
2. การสะสมของเชื้อโรคและสิ่งสกปรก
ตลอดทั้งวันที่เราใส่คอนแทคเลนส์ จะมีคราบโปรตีนจากน้ำตา ฝุ่นละออง เครื่องสำอาง และเชื้อโรคต่างๆ เกาะสะสมอยู่บนผิวเลนส์ หากเราใส่คอนแทคเลนส์นอนโดยไม่ได้ถอดล้างทำความสะอาด คอนแทคเลนส์จะกลายเป็นแหล่งเพาะเชื้อชั้นดี ทำให้เชื้อโรคและแบคทีเรียเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วในสภาพแวดล้อมที่อุ่นและชื้นใต้เปลือกตาที่ปิดอยู่ เพิ่มความเสี่ยงสูงมากต่อการติดเชื้อที่ดวงตา
3. ดวงตาแห้งจนทำให้เกิดการระคายเคืองจากการเสียดสี
ขณะที่เราตื่น ร่างกายจะมีการกะพริบตาอยู่เสมอ ซึ่งช่วยเกลี่ยน้ำตาให้ความชุ่มชื้นและหล่อลื่นผิวหน้าดวงตา แต่เมื่อเราหลับ การกะพริบตาจะหยุดลง ประกอบกับการใส่คอนแทคเลนส์นอน ซึ่งตัวเลนส์เองก็สามารถดูดซับความชุ่มชื้นจากดวงตาไปได้ส่วนหนึ่ง ทำให้ดวงตาแห้งกว่าปกติ เมื่อดวงตาแห้ง ผิวเลนส์จะเสียดสีกับกระจกตาและเยื่อบุตาได้ง่ายขึ้น ก่อให้เกิดอาการระคายเคือง แสบตา ไม่สบายตา และอาจทำให้กระจกตาเกิดรอยถลอกเล็กๆ ซึ่งเป็นช่องทางให้เชื้อโรคเข้าสู่ดวงตาได้ง่ายขึ้น
อาการแทรกซ้อนจากการใส่คอนแทคเลนส์นอนที่คุณต้องรู้

การละเลยและยังคงใส่คอนแทคเลนส์นอนเป็นประจำ สามารถนำไปสู่ปัญหาสุขภาพดวงตาที่รุนแรงและอาการแทรกซ้อนต่างๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อการมองเห็นในระยะยาวได้ การทำความเข้าใจถึงความเสี่ยงเหล่านี้จะช่วยให้ตระหนักถึงความสำคัญของการใช้คอนแทคเลนส์อย่างถูกวิธีมากยิ่งขึ้น
อาการระคายเคือง ตาแดง และเยื่อบุตาอักเสบ
อาการแรกเริ่มที่มักพบได้บ่อยจากการใส่คอนแทคเลนส์นอน คือความรู้สึกไม่สบายตา ระคายเคืองเหมือนมีสิ่งแปลกปลอมในตา ตามมาด้วยอาการตาแดงก่ำ ซึ่งเกิดจากการอักเสบของเส้นเลือดฝอยที่เยื่อบุตา หากการระคายเคืองและการอักเสบดำเนินต่อไป อาจนำไปสู่ภาวะเยื่อบุตาอักเสบ (Conjunctivitis) ซึ่งทำให้มีอาการตาแดง ปวดตา ขี้ตามาก และอาจมีอาการเปลือกตาบวมร่วมด้วย
ภาวะตาแห้งรุนแรง (Dry Eye)
ดังที่กล่าวไปแล้วว่า การใส่คอนแทคเลนส์นอนทำให้ดวงตาแห้ง หากทำเป็นประจำจะยิ่งซ้ำเติมให้ภาวะตาแห้งรุนแรงขึ้นและกลายเป็นปัญหาเรื้อรัง ผู้ที่มีภาวะตาแห้งรุนแรงจะรู้สึกแสบตา ตาพร่ามัวเป็นพักๆ แพ้แสง และอาจรู้สึกเหมือนมีทรายอยู่ในตาตลอดเวลา ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตและการมองเห็นอย่างมาก บางรายอาจมีอาการตาปรือ เนื่องจากความไม่สบายตา
กระจกตาเป็นแผล ถลอก หรืออักเสบ
การเสียดสีระหว่างคอนแทคเลนส์กับกระจกตาที่แห้ง หรือการบาดเจ็บเล็กๆ น้อยๆ จากการถอดใส่คอนแทคเลนส์ที่ไม่ถูกวิธี เมื่อประกอบกับการใส่คอนแทคเลนส์นอน สามารถทำให้กระจกตาเกิดรอยถลอกหรือเป็นแผลได้ ซึ่งเป็นภาวะที่เจ็บปวดอย่างมาก
ที่สำคัญคือ แผลที่กระจกตาเป็นประตูเปิดให้เชื้อโรคเข้าไปทำให้เกิดการอักเสบติดเชื้อที่กระจกตา (Keratitis) ซึ่งรุนแรงและอาจทำให้สูญเสียการมองเห็นถาวรได้ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที การอักเสบเรื้อรังอาจทำให้บางคนมีลักษณะเบ้าตาลึกลงได้ หากมีการติดเชื้อรุนแรงและต้องรักษาเป็นเวลานาน
การติดเชื้อที่ดวงตา (Eye Infections)
การติดเชื้อที่ดวงตาเป็นภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายที่สุดจากการใส่คอนแทคเลนส์นอน โดยอาจเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา หรือเชื้ออะมีบา ซึ่งแต่ละชนิดมีความรุนแรงและแนวทางการรักษาที่แตกต่างกัน
- Bacterial Keratitis (กระจกตาอักเสบจากการติดเชื้อแบคทีเรีย) : เป็นการติดเชื้อที่พบบ่อยและลุกลามรวดเร็ว หากรักษาช้าอาจทำให้กระจกตาขุ่นมัวถาวรหรือทะลุได้
- Acanthamoeba Keratitis (กระจกตาอักเสบจากการติดเชื้ออะมีบา) : เป็นการติดเชื้อที่รุนแรงมากและรักษายาก เชื้ออะมีบามักพบในน้ำประปา สระว่ายน้ำ หรือแหล่งน้ำที่ไม่สะอาด ผู้ที่ ใส่คอนแทคเลนส์นอน หรือใส่คอนแทคเลนส์ว่ายน้ำมีความเสี่ยงสูง
- Fungal Keratitis (กระจกตาอักเสบจากการติดเชื้อรา) : มักเกิดหลังจากการบาดเจ็บที่กระจกตาด้วยวัสดุจากพืช หรือในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ การรักษามักใช้เวลานาน การติดเชื้อเหล่านี้หากรุนแรง อาจจำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนกระจกตาเพื่อรักษาการมองเห็น หรือในกรณีที่เลวร้ายที่สุด อาจนำไปสู่การสูญเสียดวงตาได้
สัญญาณเตือนว่าดวงตาอาจกำลังติดเชื้อ
หากคุณใส่คอนแทคเลนส์นอน แล้วมีอาการเหล่านี้ ควรรีบพบจักษุแพทย์ทันที
- ตาแดงจัด ปวดตาอย่างรุนแรง
- มีขี้ตาปริมาณมากผิดปกติ อาจมีสีเขียวหรือสีเหลือง
- ตามัวลงอย่างรวดเร็ว มองเห็นไม่ชัดเจน
- แพ้แสง สู้แสงจ้าไม่ได้
- รู้สึกเหมือนมีสิ่งแปลกปลอมในตาตลอดเวลา
- เปลือกตาบวม
- เห็นจุดขาวหรือฝ้าขาวบนกระจกตา
เผลอใส่คอนแทคเลนส์นอน หรือแค่งีบหลับตอนกลางวัน ควรทำอย่างไร?
หลายคนอาจคิดว่าการงีบหลับสั้นๆ พร้อมคอนแทคเลนส์คงไม่เป็นไร แต่ความจริงแล้ว แม้จะเป็นการใส่คอนแทคเลนส์นอนเพียงระยะเวลาสั้นๆ ก็ยังคงเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะดวงตาขาดออกซิเจน ตาแห้ง และการระคายเคืองได้
หากคุณเผลอหลับไปพร้อมคอนแทคเลนส์ สิ่งแรกที่ควรทำคือตั้งสติและปฏิบัติตามขั้นตอนต่อไปนี้
- อย่าพยายามถอดคอนแทคเลนส์ออกทันทีหากรู้สึกตาแห้งมาก เพราะอาจทำให้กระจกตาถลอกได้
- ให้หยอดน้ำตาเทียมเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ดวงตาก่อน รอสักครู่ให้เลนส์เคลื่อนไหวได้ดีขึ้นแล้วจึงค่อยๆ ถอดออกอย่างเบามือ
- หลังจากถอดเลนส์แล้ว ควรงดใส่คอนแทคเลนส์อย่างน้อย 24 ชั่วโมงเพื่อให้ดวงตาได้พักผ่อนและฟื้นตัว สังเกตอาการผิดปกติ
- หากมีอาการปวดตา ตาแดง ตามัว หรือระคายเคืองไม่หาย ควรรีบไปพบจักษุแพทย์เพื่อตรวจประเมิน
เมื่อไหร่ที่ควรรีบพบจักษุแพทย์ทันที
การดูแลดวงตาเป็นเรื่องสำคัญ หากคุณใส่คอนแทคเลนส์นอน หรือมีอาการผิดปกติใดๆ เกี่ยวกับดวงตา การรีรออาจทำให้ปัญหาเล็กน้อยกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้ ควรรีบปรึกษาจักษุแพทย์ทันทีหากมีอาการดังต่อไปนี้ เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้อง
- อาการปวดตาอย่างรุนแรง หรือปวดตุบๆ ในลูกตา
- การมองเห็นแย่ลงอย่างกะทันหัน หรือมองเห็นภาพซ้อน
- ตาแดงจัดไม่หาย หรือแดงมากขึ้นเรื่อยๆ
- แพ้แสงจ้าอย่างรุนแรง
- มีหนองหรือขี้ตาปริมาณมากไหลออกจากตา
- เห็นจุดหรือฝ้าขาวบนกระจกตา
- อาการระคายเคือง แสบตา หรือไม่สบายตาไม่ทุเลาลงหลังถอดคอนแทคเลนส์และพักตาแล้ว
แนะนำวิธีใส่คอนแทคเลนส์อย่างปลอดภัย มีสุขภาพดวงตาที่ดี

เพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายจากการใส่คอนแทคเลนส์นอน และเพื่อให้การใช้คอนแทคเลนส์เป็นไปอย่างปลอดภัย การปฏิบัติตามคำแนะนำและดูแลสุขอนามัยของดวงตาและคอนแทคเลนส์อย่างเคร่งครัดเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
การเลือกประเภทคอนแทคเลนส์ที่เหมาะสมกับดวงตาและไลฟ์สไตล์
การเลือกชนิดของคอนแทคเลนส์มีผลต่อสุขภาพดวงตา คอนแทคเลนส์ชนิดรายวันถือเป็นตัวเลือกที่ช่วยลดความเสี่ยงในการสะสมของเชื้อโรคและคราบโปรตีนได้ดีที่สุด เนื่องจากมีการเปลี่ยนคู่ใหม่ทุกวัน ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องการทำความสะอาดและน้ำยาแช่เลนส์ เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีเวลาดูแลเลนส์มากนัก หรือผู้ที่มีแนวโน้มตาแห้งหรือแพ้ง่าย
ส่วนคอนแทคเลนส์ชนิดรายเดือน หรือรายสองสัปดาห์ จำเป็นต้องมีการทำความสะอาดและฆ่าเชื้ออย่างถูกวิธีทุกวัน ควรปรึกษาจักษุแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อเลือกคอนแทคเลนส์ที่เหมาะสมกับค่าสายตา สภาพดวงตา และกิจกรรมในชีวิตประจำวัน
ข้อควรปฏิบัติในการใส่คอนแทคเลนส์
- ล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่และเช็ดให้แห้งทุกครั้งก่อนสัมผัสคอนแทคเลนส์
- ใส่และถอดคอนแทคเลนส์ด้วยวิธีที่ถูกต้องตามคำแนะนำจากจักษุแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ
- เลือกใช้คอนแทคเลนส์ที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน และเหมาะสมกับค่าสายตาและความโค้งของกระจกตา
- ไม่ควรใส่คอนแทคเลนส์นานเกินระยะเวลาที่จักษุแพทย์แนะนำ หรือนานเกิน 8-12 ชั่วโมงต่อวัน
- หยอดน้ำตาเทียมเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นเมื่อรู้สึกตาแห้ง โดยเลือกชนิดที่ใช้กับคอนแทคเลนส์ได้
- ตรวจสุขภาพตากับจักษุแพทย์เป็นประจำอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
- หากต้องเข้ารับการประเมินเพื่อทำตาสองชั้น หรือหัตถการอื่นๆ เช่น แก้ตาสองชั้นที่เคยทำมา, แก้ไขกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง, แก้ปัญหาตาไม่เท่ากัน, ตาปรือ หรือหนังตาตก ควรแจ้งแพทย์ว่ามีการใช้คอนแทคเลนส์เป็นประจำด้วย
ข้อห้ามเด็ดขาดในการใช้คอนแทคเลนส์
- ห้ามใส่คอนแทคเลนส์นอ โดยเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นการนอนหลับตอนกลางคืน หรืองีบหลับตอนกลางวัน
- ห้ามใช้คอนแทคเลนส์ร่วมกับผู้อื่น เพราะมีความเสี่ยงสูงในการติดเชื้อโรคต่างๆ
- ห้ามใส่คอนแทคเลนส์ที่หมดอายุการใช้งาน หรือเลนส์ที่ชำรุดฉีกขาด
- ห้ามใส่คอนแทคเลนส์ขณะว่ายน้ำ อาบน้ำ หรือเมื่อต้องสัมผัสกับน้ำที่ไม่สะอาด เพื่อป้องกันการติดเชื้ออะมีบา
- ห้ามใช้น้ำประปา น้ำลาย หรือน้ำเกลือที่ทำเองในการล้างหรือแช่คอนแทคเลนส์ ให้ใช้น้ำยาสำหรับคอนแทคเลนส์โดยเฉพาะเท่านั้น
- หยุดใช้คอนแทคเลนส์ทันทีหากมีอาการแพ้ ระคายเคือง ตาแดง หรืออาการผิดปกติอื่นๆ และรีบปรึกษาจักษุแพทย์
วิธีทำความสะอาดและเก็บรักษาคอนแทคเลนส์อย่างถูกสุขอนามัย
หากคุณใช้คอนแทคเลนส์รายสัปดาห์ หรือรายเดือน แนะนำให้ทำความสะอาดและเก็บรักษาคอนแทคเลนส์ด้วยวิธีการต่อไปนี้
- ถอดคอนแทคเลนส์ออกแล้ววางบนฝ่ามือที่สะอาด หยดน้ำยาล้างคอนแทคเลนส์ลงไป
- ใช้นิ้วถูเลนส์เบาๆ ทั้งสองด้าน (ด้านหน้าและด้านหลัง) ประมาณ 20 วินาที เพื่อขจัดคราบโปรตีนและสิ่งสกปรก
- ล้างคอนแทคเลนส์ด้วยน้ำยาล้างคอนแทคเลนส์อีกครั้งให้สะอาด
- เติมน้ำยาแช่คอนแทคเลนส์ใหม่ลงในตลับแช่เลนส์ที่สะอาดเสมอ และใส่คอนแทคเลนส์ลงไป ปิดฝาให้สนิท
- ทำความสะอาดตลับแช่คอนแทคเลนส์ทุกวัน โดยล้างด้วยน้ำยาแช่เลนส์แล้วผึ่งลมให้แห้งสนิทก่อนใช้งานครั้งต่อไป
- เปลี่ยนตลับแช่คอนแทคเลนส์ใหม่ทุกเดือน เพื่อลดการสะสมของเชื้อโรค
รวมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการใส่คอนแทคเลนส์ (FAQ)
เพื่อให้ผู้ใช้คอนแทคเลนส์มีความเข้าใจที่ถูกต้องและสามารถดูแลดวงตาของตนเองได้ดียิ่งขึ้น KOA Clinic ได้รวบรวมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการใส่คอนแทคเลนส์นอน และการใช้คอนแทคเลนส์โดยทั่วไปมาตอบให้หายข้องใจ
ใส่คอนแทคเลนส์นอนกลางวันแค่แป๊ปเดียว ได้หรือไม่?
ไม่แนะนำให้ใส่คอนแทคเลนส์นอน แม้จะเป็นเพียงการงีบหลับสั้นๆ ในตอนกลางวันก็ตาม เพราะในขณะหลับ ดวงตาจะไม่กะพริบ ทำให้ได้รับออกซิเจนน้อยลงและเกิดภาวะตาแห้งได้เช่นกัน เพิ่มความเสี่ยงต่อการระคายเคืองและการติดเชื้อ ทางที่ดีควรถอดคอนแทคเลนส์ออกทุกครั้งก่อนนอน ไม่ว่าจะนานหรือสั้นก็ตาม
คอนแทคเลนส์สามารถใส่ได้นานกี่ชั่วโมงต่อวัน?
โดยทั่วไป ไม่ควรใส่คอนแทคเลนส์ติดต่อกันนานเกิน 8-12 ชั่วโมงต่อวัน
อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาที่เหมาะสมอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับชนิดของคอนแทคเลนส์ สภาพดวงตา และคำแนะนำของจักษุแพทย์
สิ่งที่คุณต้องรู้เลยก็คือ การใส่คอนแทคเลนส์นานเกินไปจะเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะตาแห้ง ดวงตาขาดออกซิเจน และการติดเชื้อ และถ้าหากจำเป็นต้องจ้องหน้าจอนานๆ การพักสายตาบ่อยๆ จะช่วยลดปัญหาตาสามชั้นชั่วคราว ที่อาจเกิดจากความเมื่อยล้าของเปลือกตาได้
ทำไมใส่คอนแทคเลนส์แล้วตาแดง หรือตาพร่ามัว เกิดจากอะไร?
อาการตาแดงหรือตาพร่ามัวหลังใส่คอนแทคเลนส์อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น
- ภาวะตาแห้ง
- คอนแทคเลนส์ไม่สะอาด
- มีคราบโปรตีนหรือสิ่งสกปรกเกาะบนเลนส์
- คอนแทคเลนส์หมดอายุ
- ใส่คอนแทคเลนส์ผิดด้าน
- ขนาดหรือความโค้งของเลนส์ไม่พอดีกับดวงตา
- การแพ้น้ำยาล้างคอนแทคเลนส์
- อาจเป็นสัญญาณเริ่มต้นของการติดเชื้อ
หากมีอาการเหล่านี้ควรถอดคอนแทคเลนส์ออกและปรึกษาจักษุแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง การตรวจละเอียดที่คลินิกทำตาที่มีมาตรฐานจะช่วยให้ทราบปัญหาได้ชัดเจน
ใส่คอนแทคเลนส์แล้วตาดำเล็กลง เกี่ยวข้องกันจริงหรือ?
การใส่คอนแทคเลนส์ไม่ได้ทำให้ขนาดของตาดำ (รูม่านตาหรือม่านตา) เล็กลงโดยตรง
แต่ในบางกรณี การใส่คอนแทคเลนส์นอน หรือการใส่คอนแทคเลนส์ที่ไม่เหมาะสมเป็นเวลานานจนเกิดภาวะดวงตาขาดออกซิเจนเรื้อรัง อาจทำให้เกิดเส้นเลือดฝอยงอกใหม่เข้าไปในกระจกตาบริเวณขอบๆ ซึ่งหากลุกลามมากอาจทำให้ขอบเขตของกระจกตาที่ใสดูเปลี่ยนแปลงไป ทำให้รู้สึกเหมือนตาดำดูมีขนาดเปลี่ยนไปได้
นอกจากนี้ การใช้คอนแทคเลนส์สีหรือบิ๊กอายที่มีขนาดใหญ่กว่าตาดำจริง เมื่อถอดออกอาจทำให้รู้สึกว่าตาดำปกติของตนเองดูเล็กลงได้ ทั้งที่จริงๆ แล้วมีขนาดเท่าเดิม
การพักสายตาสำคัญอย่างไรสำหรับผู้ใช้คอนแทคเลนส์?
การพักสายตาเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับผู้ใช้คอนแทคเลนส์ ช่วยลดความเมื่อยล้าของดวงตา ลดภาวะตาแห้ง และช่วยให้กระจกตาได้รับออกซิเจนมากขึ้น ควรถอดคอนแทคเลนส์ออกเมื่อไม่จำเป็น หรือสลับกับการใส่แว่นตาบ้าง โดยเฉพาะเมื่ออยู่ที่บ้านหรือในช่วงเย็นหลังเลิกงาน การพักสายตาเป็นระยะระหว่างวัน เช่น ทุกๆ 20-30 นาที ให้มองไปไกลๆ หรือหลับตาสักครู่ ก็ช่วยถนอมดวงตาได้เช่นกัน
สรุปบทความ
การใส่คอนแทคเลนส์นอนเป็นพฤติกรรมที่เสี่ยงและเป็นอันตรายต่อสุขภาพดวงตาอย่างยิ่ง สามารถนำไปสู่ปัญหาร้ายแรงได้ตั้งแต่การระคายเคือง ภาวะตาแห้ง การอักเสบของกระจกตา ไปจนถึงการติดเชื้อที่อาจทำให้สูญเสียการมองเห็นอย่างถาวร การใช้คอนแทคเลนส์อย่างถูกวิธี หมั่นดูแลทำความสะอาด และปฏิบัติตามคำแนะนำของจักษุแพทย์อย่างเคร่งครัด คือหัวใจสำคัญของการมีสุขภาพดวงตาที่ดีในระยะยาว หากคุณมีข้อสงสัยหรือพบความผิดปกติใดๆ เกี่ยวกับดวงตาจากการใช้คอนแทคเลนส์ ควรปรึกษาจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อรับคำแนะนำและการรักษาที่เหมาะสมทันที การดูแลดวงตาของคุณวันนี้ คือการลงทุนเพื่อการมองเห็นที่สดใสในวันข้างหน้า
